หน้า ๑๙ เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
พระราชบัญญัติ ลิขสิทธ์ิ (ฉบับท่ี ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันท่ี ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีท่ี ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า โดยท่ีเป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธ์ิ พระราชบัญญัติน้ีมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซ่ึงมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เหตุผลและความจําเป็นในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติน้ี เพ่ือให้ คนพิการซ่ึงไม่สามารถเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธ์ิ อันเน่ืองมาจากความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคล่ือนไหว สติปัญญา หรือการเรียนรู้ หรือความบกพร่องอ่ืน ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกับบุคคลอ่ืน ในการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธ์ิ ซ่ึงการตราพระราชบัญญัติน้ีสอดคล้องกับเงื่อนไขท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าท่ีรัฐสภา ดังต่อไปน้ี
หน้า ๒๐ เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๖๑” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๙) ของวรรคสองของมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ
พ.ศ. ๒๕๓๗ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๔ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๓๒/๔ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ “มาตรา ๓๒/๔ การกระทําใด ๆ ดังต่อไปน้ี โดยองค์กรท่ีได้รับอนุญาตหรือได้รับการยอมรับ
เพ่ือประโยชน์ของคนพิการซ่ึงไม่สามารถเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธ์ิตามพระราชบัญญัติน้ี อันเน่ืองมาจาก ความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว สติปัญญา หรือการเรียนรู้ หรือความบกพร่องอ่ืน ตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิ หากไม่มี วัตถุประสงค์เพ่ือหากําไร และได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง
(๑) ทําซํ้าหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธ์ิท่ีได้มีการโฆษณาหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว และได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย
(๒) เผยแพร่ต่อสาธารณชนซ่ึงสําเนางานอันมีลิขสิทธ์ิท่ีทําซํ้าหรือดัดแปลงตาม (๑) รวมถึง สําเนางานอันมีลิขสิทธ์ิท่ีได้รับจากองค์กรท่ีได้รับอนุญาตหรือได้รับการยอมรับในประเทศหรือต่างประเทศ
องค์กรท่ีได้รับอนุญาตหรือได้รับการยอมรับ รูปแบบการทําซํ้าหรือดัดแปลงตามความจําเป็น ของคนพิการ รวมท้ังหลักเกณฑ์และวิธีการดําเนินการเพ่ือทําซํ้าหรือดัดแปลงและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา”
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน
“มาตรา ๕๓ ให้นํามาตรา ๓๒ มาตรา ๓๒/๒ มาตรา ๓๒/๓ มาตรา ๓๒/๔ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ มาใช้บังคับแก่สิทธิของนักแสดงโดยอนุโลม”
ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
หน้า ๒๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีแห่ง สนธิสัญญามาร์ราเคช เพื่ออํานวยความสะดวกในการเข้าถึงงานท่ีมีการโฆษณาแล้ว สําหรับคนตาบอด คนพิการทางการเห็น หรือคนพิการทางส่ือส่ิงพิมพ์ (Marrakesh Treaty to Facilitate Access to Published Works for Persons Who Are Blind, Visually Impaired, or Otherwise Print Disabled) โดยสนธิสัญญาดังกล่าวกําหนดให้รัฐภาคีบัญญัติกฎหมายภายในเพ่ือรองรับข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อให้คนตาบอด คนพิการทางการเห็น และคนพิการทางส่ือส่ิงพิมพ์ ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกับบุคคลอื่น ในการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อประโยชน์ของคนพิการ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาดังกล่าว จึงจําเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้